(Muscle cramps) เป็นอาการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันและไม่สามารถควบคุมได้ โดยมีลักษณะการหดเกร็งที่ทำให้เกิดอาการปวดเฉียบพลัน กล้ามเนื้อที่มักเกิดตะคริวบ่อย ได้แก่ กล้ามเนื้อน่อง, ต้นขา, และเท้า ตะคริวอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีสุขภาพดี รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะทางการแพทย์บางประการ โดยการเกิดขึ้นของตะคริวสามารถมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งในเรื่องของการใช้กล้ามเนื้อและระบบทางสรีรวิทยาของร่างกาย

  • การออกกำลังกายหรือการใช้งานกล้ามเนื้อเกินกำลัง
    การออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือการทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ ในระยะเวลานาน เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดตะคริว เนื่องจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการสะสมของกรดแลคติก (Lactic acid) และภาวะการขาดออกซิเจนในกล้ามเนื้อ
  • การขาดสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte imbalance)
    การขาดแร่ธาตุสำคัญ เช่น โพแทสเซียม (Potassium), แคลเซียม (Calcium), และแมกนีเซียม (Magnesium) มีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ การขาดสมดุลของแร่ธาตุเหล่านี้ทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้ง่าย
  • การขาดน้ำ (Dehydration)
    การสูญเสียน้ำจากร่างกาย โดยเฉพาะในระหว่างการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก สามารถทำให้เกิดการลดลงของปริมาณเลือดและการไหลเวียนเลือดที่ไปยังกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ ทำให้เกิดตะคริวได้
  • การไหลเวียนโลหิตไม่ดี (Poor circulation)
    ผู้ที่มีปัญหาด้านระบบไหลเวียนโลหิต เช่น ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดแดงตีบ หรือเบาหวาน มีแนวโน้มที่จะเกิดตะคริวบ่อยขึ้น เนื่องจากการไหลเวียนโลหิตไปยังกล้ามเนื้อไม่ดีพอ ทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
  • ภาวะทางการแพทย์บางประการ
    โรคบางชนิด เช่น ภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic kidney disease), โรคตับแข็ง (Cirrhosis), และโรคประสาทเสื่อม (Neuropathy) สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดตะคริว เนื่องจากการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อมีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
  • การตั้งครรภ์
    ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดตะคริวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, การขยายตัวของมดลูก, และการกดทับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ

ตะคริวเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ไม่สามารถคลายตัวได้ตามปกติ โดยเกิดจากความไม่สมดุลของสัญญาณประสาทที่ส่งไปยังกล้ามเนื้อ การส่งสัญญาณประสาทที่ผิดปกตินี้อาจเกิดจากการขาดน้ำ, อิเล็กโทรไลต์, หรือการทำงานหนักเกินไปของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องจะเกิดการหดเกร็งและไม่สามารถผ่อนคลายได้ ทำให้เกิดตะคริว

  • การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching exercises)
    การยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการออกกำลังกายสามารถช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้ โดยเฉพาะการยืดกล้ามเนื้อน่องและต้นขา ซึ่งเป็นบริเวณที่มักเกิดตะคริวบ่อย
  • การดื่มน้ำและรักษาสมดุลอิเล็กโทรไลต์
    ควรดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างวัน และเสริมอิเล็กโทรไลต์โดยการรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสำคัญ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม เพื่อรักษาความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย
  • การหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกินไป
    ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหนักเกินไปเป็นเวลานาน และควรเพิ่มการพักผ่อนให้กล้ามเนื้อมีเวลาฟื้นตัว
  • การใช้ความร้อนหรือความเย็น
    เมื่อเกิดตะคริวสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น หรือแผ่นประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการและลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
  • การรักษาทางการแพทย์
    หากมีอาการตะคริวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุและรักษาตามความเหมาะสม

ต่อไปนี้คือสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเกิดตะคริว

1. แยกตามเพศ
  • ผู้ชาย มีโอกาสเกิดตะคริวมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงที่ออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง
    • ประมาณ 60% ของผู้ชาย ประสบกับตะคริวอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี
  • ผู้หญิง มักเกิดตะคริวในช่วงการตั้งครรภ์หรือระหว่างการมีประจำเดือน
    • ประมาณ 40% ของผู้หญิง ประสบกับตะคริวในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะในขณะตั้งครรภ์
2. แยกตามอายุ
  • วัยเด็กและวัยรุ่น มีโอกาสเกิดตะคริวได้น้อย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    • กลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปีมีโอกาสเกิดตะคริวน้อยกว่า 10%
  • วัยผู้ใหญ่ (อายุ 20-50 ปี) เป็นช่วงที่มีการออกกำลังกายและใช้กล้ามเนื้อบ่อย ทำให้เกิดตะคริวบ่อยขึ้น
    • ประมาณ 40% ของคนวัยนี้เคยมีประสบการณ์กับตะคริว
  • ผู้สูงอายุ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) มีโอกาสเกิดตะคริวสูงกว่าเนื่องจากการไหลเวียนโลหิตที่ลดลงและการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ
    • ประมาณ 50-60% ของผู้สูงอายุ ประสบกับตะคริว โดยเฉพาะตอนกลางคืน
3. แยกตามส่วนที่เป็น
  • น่อง (Calves) เป็นส่วนที่พบการเกิดตะคริวบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหนักหรือยืนเป็นเวลานาน
    • ประมาณ 70% ของผู้ที่ประสบตะคริวเกิดที่น่อง
  • ต้นขา (Thighs) พบประมาณ 20-25%
  • เท้าและฝ่าเท้า (Feet) ประมาณ 15-20% ของผู้ที่ประสบตะคริวเกิดที่บริเวณนี้
  • กล้ามเนื้อหน้าท้อง (Abdominal muscles) พบได้บ้างแต่ไม่บ่อย ประมาณ 5-10%
4. แยกตามอาชีพ
  • นักกีฬา มีโอกาสเกิดตะคริวสูงมาก เนื่องจากมีการใช้งานกล้ามเนื้อหนักและต่อเนื่อง
    • ประมาณ 30-50% ของนักกีฬามืออาชีพ พบว่ามีอาการตะคริวระหว่างการแข่งขันหรือการฝึกซ้อม
  • คนทำงานที่ใช้แรงงาน เช่น ช่างก่อสร้าง หรือชาวนา ที่ต้องใช้แรงกายและยืนนาน ๆ มักประสบกับตะคริว
    • ประมาณ 40% ของผู้ใช้แรงงาน มีอาการตะคริวบ่อยครั้ง
  • พนักงานออฟฟิศ มักเกิดตะคริวจากการนั่งนาน ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลังและขา
    • ประมาณ 25% ของพนักงานออฟฟิศ เคยมีอาการตะคริวจากการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ ประมาณ 50-60% มีโอกาสเกิดตะคริวในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3

การรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงและสถิติเหล่านี้จะช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลร่างกายเพื่อลดโอกาสการเกิดตะคริวได้